ตู้คอนโทรลสแตนเลส
ตู้คอนโทรลสแตนเลส คือ ตู้สำหรับติดตั้งและปกป้องอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้า เช่น เบรกเกอร์, อินเวอร์เตอร์, รีเลย์, PLC หรือเซนเซอร์ต่าง ๆ โดยวัสดุหลักของตู้ทำจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L ที่มีความทนทานสูงต่อการกัดกร่อน สนิม และสารเคมี จึงเหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เช่น โรงงานอาหาร โรงงานยา หรือพื้นที่กลางแจ้ง
การออกแบบตู้คอนโทรลสแตนเลส
การออกแบบมาพร้อมซีลยางกันน้ำ เพื่อให้ได้มาตรฐาน IP55 ถึง IP66 ป้องกันฝุ่นและน้ำเข้าสู่ตัวตู้ได้ดี ตัวตู้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย เป็นระเบียบ และง่ายต่อการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาในภายหลัง มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานผลิตอาหารและยา ระบบบำบัดน้ำเสีย โรงงานผลิตเครื่องจักร รวมถึงระบบควบคุมไฟฟ้าในอาคารต่าง ๆ ตู้แบบนี้สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ไม่เป็นสนิมแม้ในสภาพอากาศรุนแรง และช่วยรักษาความสะอาดซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในอุตสาหกรรมที่ต้องการมาตรฐานสูง
รายละเอียดสินค้าและราคา
สินค้าและบทความใกล้เคียง
โครงสร้างตู้คอนโทรลสแตนเลส
ออกแบบให้มีโครงสร้างแข็งแรง หนาแน่น มีซีลยางกันน้ำรอบขอบประตู และสามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ เช่น แขวนผนัง, ตั้งพื้น หรือแบบฝาเฉียงเพื่อกันฝุ่นและน้ำ ตัวประตูมีบานพับสแตนเลส กุญแจล็อกแน่นหนา และมีแผ่นเพลทยึดอุปกรณ์ภายในที่ถอดเปลี่ยนหรือเพิ่มอุปกรณ์ได้สะดวก ช่วยให้งานติดตั้งและบำรุงรักษาทำได้ง่ายและปลอดภัย
ตารางสรุปคุณสมบัติโดยละเอียดตู้เก็บของสแตนเลส
| รายการ | รายละเอียด |
|---|---|
| วัสดุ | สแตนเลส 304 (เลือกเป็น 316L ได้ตามต้องการ) |
| ความหนา | 1.5 มม. – 2 มม. |
| รูปแบบประตู | ฝาเดียว บานพับเปิดด้านหน้า พร้อมกุญแจล็อก |
| ซีลประตู | ยางกันน้ำรอบประตู (Spong Rubber Seal) |
| แผ่นรองติดตั้ง | แผ่นสแตนเลสภายในสำหรับยึดอุปกรณ์ไฟฟ้า |
| การติดตั้ง | แบบตั้งพื้น พร้อมขาชุบแข็งแรง หรือเจาะรูยึดพื้นได้ |
| มาตรฐานการป้องกัน | IP55 – IP66 (ขึ้นอยู่กับแบบซีลและการติดตั้ง) |
| การใช้งานที่แนะนำ | โรงงานอุตสาหกรรม, โรงงานอาหาร, ห้องคลีนรูม, พื้นที่ที่มีความชื้นหรือสารเคมี |
-
วัสดุ: สแตนเลส 304 (สามารถเลือก 316L ได้ตามสภาพแวดล้อม)
-
ความหนา: 1.5 มม. – 2 มม.
-
ประตู: ฝาเดียว บานพับเปิดด้านหน้า พร้อมกุญแจล็อก
-
ซีล: ยางกันน้ำรอบประตู (Spong Rubber Seal)
-
แผ่นรองติดตั้ง: แผ่นสแตนเลสภายในสำหรับยึดอุปกรณ์ไฟฟ้า
-
รูปแบบ: แบบตั้งพื้น พร้อมขาชุบแข็งแรง หรือสามารถเจาะรูยึดพื้น
-
มาตรฐานการป้องกัน: IP55–IP66 ขึ้นอยู่กับแบบซีล
ผลิตจากสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L
ตู้สแตนเลส คุณสมบัติเด่นในเรื่องความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือมีสารเคมี สแตนเลส 316L จะเหมาะกับพื้นที่ใกล้ทะเล หรืออุตสาหกรรมที่มีการใช้งานสารกัดกร่อน เช่น โรงงานยาและอาหาร ส่วนสแตนเลส 304 เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมทั่วไปเพราะมีความสมดุลทั้งเรื่องราคาและคุณภาพ
ให้เลือกหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะการติดตั้งและพื้นที่ใช้งาน เช่น แบบตั้งพื้น, แบบแขวนผนัง, แบบมีหลังคาเฉียงป้องกันน้ำหยด, หรือแบบมีฝาใสเพื่อมองเห็นอุปกรณ์ภายในโดยไม่ต้องเปิดตู้ ซึ่งสามารถปรับแต่งตามความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาด ความหนา ตำแหน่งรูเจาะ หรืออุปกรณ์เสริมภายในตู้
ตู้คอนโทรลสแตนเลสช่วยลดปัญหาการเกิดสนิม
แม้จะใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นหรือใกล้ทะเล และยังเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น ห้องคลีนรูม หรือโรงงานผลิตเครื่องมือแพทย์ นอกจากนี้ พื้นผิวของสแตนเลสยังทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมฝุ่นหรือละอองน้ำมัน จึงเป็นทางเลือกที่ทั้งปลอดภัยและดูแลรักษาง่ายในระยะยาว
ถูกออกแบบให้ผ่านมาตรฐาน IP (Ingress Protection) ระดับ IP55, IP65 หรือสูงกว่า ซึ่งหมายความว่าสามารถป้องกันฝุ่นละอองและน้ำที่อาจเข้ามาทำลายอุปกรณ์ภายในตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเพิ่มพัดลมระบายอากาศ, ฮีตเตอร์กันความชื้น, หรือช่องต่อสายไฟที่มีซีลกันน้ำ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเฉพาะด้าน
ตู้สแตนเลสสั่งผลิตตามแบบ (Made to Order)
สสามารถเลือกใช้แบบสำเร็จรูปหรือสั่งผลิตตามแบบ (Made to Order) ได้ โดยสามารถระบุรายละเอียด เช่น ตำแหน่งของบานพับ, ล็อกกุญแจ, รูเจาะสายไฟ หรือระบบล็อกหลายจุด เพื่อให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละโครงการ ไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติ, เครื่องจักรเฉพาะทาง หรือระบบควบคุมในอุตสาหกรรมหนัก ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ลดความเสี่ยงจากความชื้น การกัดกร่อน หรือการเสื่อมสภาพจากสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และลดโอกาสที่ระบบจะหยุดทำงานกลางคัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนเวลาสูง เช่น ระบบสายการผลิตต่อเนื่องหรือโรงไฟฟ้า
การสั่งผลิตตู้กันน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ประเภทของตู้ (แขวนผนัง, ตั้งพื้น, มีหลังคา) ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน, ประเภทประตู (บานเดี่ยวหรือบานคู่), มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่น IP55, IP65 หรือ IP66 และวัสดุที่ใช้ (สแตนเลส 304 หรือ 316) ซึ่งขึ้นอยู่กับความทนทานต่อการกัดกร่อนและสารเคมีต่างๆ การเลือกตู้ไฟฟ้าที่ตรงกับความต้องการจะช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น.
| ข้อกำหนด | คำอธิบาย |
|---|---|
| 1. ประเภทของตู้ | – ตู้แขวนผนัง (Wall-Mounted): ติดตั้งบนผนัง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด – ตู้ตั้งพื้น (Floor-Standing): รองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับโรงงานหรือสถานีไฟฟ้า – ตู้มีหลังคา (With Roof): เหมาะสำหรับการติดตั้งกลางแจ้ง ป้องกันน้ำฝนและแสงแดดได้ดี |
| 2. ขนาดของตู้ และฟังค์ชั่นเพิ่มเติม | ขนาดต้องพิจารณาจากอุปกรณ์ที่จะติดตั้ง เช่น ขนาดของแผงควบคุมไฟฟ้า, เครื่องมือ หรือวงจรไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่ใช้ติดตั้ง |
| 3. ประเภทประตู | – บานเดี่ยว (Single Door): เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กและใช้งานง่าย – บานคู่ (Double Door): เหมาะกับตู้ขนาดใหญ่ที่ต้องการเปิดกว้างเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ |
| 4. มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น (IP Rating) | – IP55: กันฝุ่นบางส่วนและน้ำที่มีแรงดันปานกลาง – IP66: ป้องกันฝุ่น 100% และกันน้ำแรงดันสูง |
| 5. วัสดุที่ใช้ | – สแตนเลส 304: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ทนทานต่อการกัดกร่อน |
ประสิทธิภาพของการบำรุงรักษาตู้คอนโทรลสแตนเลส
ตู้สแตนเลส บทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของการบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบไฟฟ้าในระยะยาว ด้วยการจัดวางอุปกรณ์ภายในอย่างเป็นระเบียบ ช่างเทคนิคสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ลดเวลาในการหยุดระบบ และลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่เกิดจากการเดินสายหรือการติดตั้งไม่เรียบร้อย ในระบบอัตโนมัติหรือการควบคุมเครื่องจักร ตู้สแตนเลสทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการควบคุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการรับสัญญาณจากเซ็นเซอร์, การส่งคำสั่งควบคุมผ่าน PLC, หรือการควบคุมด้วยระบบ HMI (Human Machine Interface) ตู้จึงต้องมีความแข็งแรงพอที่จะปกป้องอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนเหล่านี้จากการสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นในโรงงานอุตสาหกรรม
1. วัสดุสแตนเลสเกรดอุตสาหกรรม ผลิตจาก สแตนเลสเกรด 304 หรือ 316L ซึ่งมีคุณสมบัติกันสนิม ทนต่อสารเคมี และเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น โรงงานอาหารหรือพื้นที่กลางแจ้ง สแตนเลส 316L มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนได้ดีกว่า จึงนิยมใช้ในพื้นที่ใกล้ทะเลหรือที่มีสารเคมีรุนแรง
2. มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ (IP Rating) ที่ดีควรมีมาตรฐาน IP55, IP65 หรือ IP66 เพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำเข้าไปภายในตู้ ซึ่งเหมาะสำหรับการติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหนักหรือบริเวณกลางแจ้งที่อาจเจอน้ำฝนหรือไอน้ำมัน
3. ความปลอดภัยและการป้องกันระบบไฟฟ้า ตู้มีบทบาทสำคัญในการปกป้องอุปกรณ์ควบคุม เช่น เบรกเกอร์ อินเวอร์เตอร์ และ PLC จากไฟกระชาก ความชื้น หรือการสั่นสะเทือน การมีซีลยางกันน้ำและระบบล็อกที่แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือการหยุดทำงานของระบบโดยไม่ตั้งใจ
4. การออกแบบที่รองรับการใช้งานจริง มีให้เลือกหลายรูปแบบ ได้แก่ แบบตั้งพื้น, แขวนผนัง, หลังคาเฉียง หรือ ฝาหน้าใส เพื่อให้เหมาะกับพื้นที่ติดตั้งและความสะดวกในการดูแล บางรุ่นสามารถเลือกเจาะรูสำหรับเดินสายไฟ, ช่องระบายอากาศ, หรือมีแผ่นยึดอุปกรณ์ภายในแยกออกได้ตามต้องการ
5. เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมเฉพาะทาง ได้รับความนิยมใน โรงงานอาหาร, โรงงานยา, โรงงานเคมี, ระบบบำบัดน้ำ, และ โรงไฟฟ้า เพราะวัสดุที่ไม่ดูดซับเชื้อโรค ง่ายต่อการทำความสะอาด และไม่ปล่อยสารปนเปื้อนออกมาปะปนกับกระบวนการผลิต
6. รองรับการผลิตตามสั่ง (Made to Order) ผู้ใช้งานสามารถสั่งผลิตตู้คอนโทรลสแตนเลสตามขนาด รูปแบบ หรืออุปกรณ์เสริมเฉพาะ เช่น เพิ่มพัดลม ฮีตเตอร์ เซนเซอร์ประตู หรือล็อกแบบหลายจุดได้ เพื่อให้สอดคล้องกับระบบควบคุมที่ออกแบบเฉพาะในแต่ละโครงการ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดข้อจำกัดของตู้สำเร็จรูปทั่วไป
ผลงานของเรา
ตู้คอนโทรลสแตนเลสไม่ใช่แค่ “ตู้เก็บอุปกรณ์” แต่เป็นองค์ประกอบที่มีบทบาททั้งด้านวิศวกรรม ความปลอดภัย การจัดการความเสี่ยง และภาพลักษณ์ขององค์กร ตู้ที่ออกแบบมาดีและเลือกวัสดุถูกต้อง จะช่วยให้ระบบควบคุมทำงานได้อย่างราบรื่น มีเสถียรภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทายทั้งภายในและภายนอกอาคาร
สุดท้าย จุดเด่นของตู้คอนโทรลสแตนเลสคือการรองรับการปรับแต่งและต่อยอดได้ในอนาคต เช่น หากต้องเพิ่มอุปกรณ์ควบคุมเพิ่มเติมในระบบ หรือต้องเชื่อมต่อกับระบบ SCADA หรือ IoT ตู้ก็สามารถเจาะเพิ่ม ติดตั้งใหม่ หรือขยายพื้นที่ภายในได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งตู้ จึงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผู้ใช้งาน





สอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับสินค้าได้โดยตรง
บริการนำเข้าทางเครื่องบิน (Air Freight)
มีสต็อกพร้อมส่งในประเทศ รองรับการใช้งานได้ทันที
✅ จัดส่งได้ทันทีภายใน 1–2 วันทำการ
✅ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 2-3 วันทำการ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการขนส่งเอกชน) **สามารถระบุได้
สั่งผลิตตามขนาดและความต้องการใช้งานได้
✅เลือกขนาดได้อิสระ: กำหนด ความกว้าง x ความสูง x ความลึก ตามพื้นที่ใช้งาน








